มวยสากลสมัครเล่น จุดเริ่มต้นและความหวังของนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์

มวยสากลสมัครเล่น จุดเริ่มต้นและความหวังของนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์

ถ้าหากพูดถึงเรื่องกีฬาประเภทหมัดมวยแล้ว สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่าเป็นกีฬาที่อยู่ในสายเลือดของคนไทยมาอย่างยาวนาน แถมยังเป็นกีฬาที่เซียนมวยนิยมเดิมพันกันเต็มสนาม ไม่ว่าจะเป็นความชื่นชอบของบรรดาแฟนกีฬาในประเทศ หรือแม้แต่ผลงานในระดับนานาชาติของนักกีฬาไทย และไม่ว่าจะเป็นมวยประเภทไหนก็ล้วนแล้วแต่ทำได้ดีถูกใจแฟนมวยแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นมวยไทยที่เป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติ หรือมวยชนิดมวยสากลที่นักมวยไทยก้าวไปถึงแชมป์โลกหลายต่อหลายคน รวมไปถึงมวยสากลสมัครเล่นที่เป็นกีฬาที่ได้รับการบรรจุในมหกรรมกีฬาต่าง ๆ รวมไปถึงโอลิมปิก ก็ได้รับความนิยมไม่ต่างกัน

ในการแข่งขันโอลิมปิกนั้นมวยสากลสมัครเล่นถือเป็นกีฬา ที่สามารถดึงดูดสายตาแฟนกีฬาชาวไทยให้ติดตามเชียร์ได้มากกว่ากีฬาชนิดอื่น ๆ นั่นเพราะเป็นกีฬาที่ให้ความสนุกตื่นเต้นแก่ผู้ชมอย่างมากนั่นเอง อีกทั้งนักมวยจากประเทศไทยก็ยังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องอีกด้วย และในด้านของเหรียญรางวัลแล้ว มวยสากลสมัครเล่นนี่แหละที่เป็นกีฬาที่สามารถนำเหรียญมาฝากแฟนกีฬาไทยได้หลายครั้ง นับตั้งแต่เหรียญรางวัลโอลิมปิกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศ คือเหรียญทองแดงจาก สหรัฐอเมริกาปี 1976 จาก “พเยาว์ พูนธรัตน์” จนมาถึงเหรียญทองเหรียญแรกของประเทศ จาก “สมรักษ์ คำสิงห์” จากสหรัฐอเมริกาเช่นกันในปี 1996 หลังจากนั้นก็มีเหรียญทองตามมาอย่างต่อเนื่องทั้งจากวิจารณ์ พลฤทธิ์, มัส บุญจำนงค์ และสมจิตร จงจอหอ รวมทั้งหมด 4 เหรียญทอง และยังมีอีก 4 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดงอีกด้วย เรียกว่านับตั้งแต่ได้เหรียญแรกมา ทัพนักชกจากประเทศไทยก็ได้เหรียญมาอย่างต่อเนื่องทุกครั้งเลย จะมีก็เพียงแค่ครั้งล่าจุดที่บราซิลเท่านั้นที่กลับบ้านมือเปล่า ซึ่งก็เกิดจากปัจจัยหลายอย่างซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องความไม่โปร่งใสของไอบ้าด้วย

สำหรับโอลิมปิกที่โตเกียวนี้มวยสากลสมัครเล่น ยังคงเป็นหนึ่งในความหวังสูงสุดของทัพนักกีฬาไทยอีกเช่นเคย โดยถึงตอนนี้นักชกไทยสามารถคว้าโควตาสู่โอลิมปิกได้แน่นอนแล้ว 4 ด้วยกันซึ่งเป็นนักชกหญิง 2 คน และนักชกชาย 2 คน นำมาโดยนกชกรุ่นเก๋าอย่าง ฉัตรชัยเดชา บุตรดี, ธิติสรรค์ ปั้นโหมด, และสองนักชกสาวคือ ใบสน มณีก้อน, และสุดาพร สีสอนดี และยังคงมีลุ้นโควตาจากการคัดตัวครั้งสุดท้ายที่ฝรั่งเศสซึ่งยังไม่สามารถกำหนดวันชกได้อีกด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะได้ตั๋วเพิ่มอีกซักใบสองใบ

การแข่งขันโอลิมปิกที่โตเกียวครั้งนี้ เชื่อว่านักชกจากประเทศไทยคงจะทำผลได้ดีและสามารถนำเหรียญโอลิมปิกกลับมาฝากแฟนมวยชาวไทยได้อีกครั้ง หลังจากที่กลับบ้านมือเปล่ามาจากบราซิล และที่สำคัญคือพัฒนาการของนักชกหญิงบ้านเราซึ่งพึ่งจะเคยมีนักชกหญิงที่ได้ขึ้นเวทีโอลิมปิกเพียงแค่คนเดียวในประวัติศาสตร์ แต่ครั้งนี้สามารถคว้าสิทธิ์ได้ถึงสองคนพร้อมกัน ดังนั้นนอกจากจะเป็นการหวนกลับมาคว้าเหรียญให้ได้ต่อเนื่องอีกครั้งแล้ว ครั้งนี้เราอาจจะได้เห็นการสร้างประวัติศาสตร์การคว้าเหรียญโอลิมปิกของนักมวยหญิงคนแรกของประเทศไทยได้อีกด้วย